4 คลังพระสูตร
4 คลังพระสูตร

4 คลังพระสูตร

ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana

Overview
Episodes

Details

ดื่มด่ำ ซึมซาม ด้วยการฟังบทพยัญชนะที่มีความงดงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด เป็นข้อมูลโดยตรงจากพระสูตรในพระไตรปิฏก เพื่อให้มีการตกผลึกความคิด เกิดเป็นความคลองปากขึ้นใจ แทงตลอดด้วยดีด้วยความเห็นได้. New Episode ทุกวันพฤหัส เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

Recent Episodes

ไม่ทรงยึดมั่นถือมั่น - พรหมชาลสูตร ตอนที่ ๒ [6850-4s]
DEC 10, 2025
ไม่ทรงยึดมั่นถือมั่น - พรหมชาลสูตร ตอนที่ ๒ [6850-4s]
พรหมชาลสูตร ตอนที่ ๒ พระผู้มีพระภาคตรัสแจกแจงทิฏฐิทั้ง๖๒ ไว้ดังนี้ว่า มีสมณพราหมณ์บางพวกประกาศวาทะแสดงลัทธิโดยปรารภขันธ์ส่วนอดีตซึ่งเรียกว่าปุพพันตกัปปิกวาทะ มี ๑๘ ลัทธิ และปรารภขันธ์ส่วนอนาคตและปัจจุบันซึ่งเรียกว่าอปรันตกัปปิกวาทะอีก ๔๔ ลัทธิในตอนนี้ เป็นความเห็นที่กำหนดขันธ์ส่วนอนาคต และ ได้ทรงตรัสสรุปท้ายพระสูตรว่า พระองค์ทรงรู้แจ้งมูลเหตุแห่งทิฏฐิหล่านี้ และทรงรู้ด้วยว่าผู้ที่ยึดถือทิฏฐิเหล่านี้มีคติและภพเบื้องหน้าเป็นอย่างไร พระองค์จึงไม่ทรงยึดมั่นถือมั่น เมื่อไม่ทรงยึดมั่นถือมั่น จึงทรงรู้แจ้งความเกิด ความดับ คุณ โทษแห่งเวทนา และอุบายวิธีที่ทำให้สลัดเวทนาออกไปได้ พระองค์จึงทรงหลุดพ้น Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
play-circle icon
56 MIN
ศีลถึง ปัญญาได้ - พรหมชาลสูตร ตอนที่ ๑ [6849-4s]
DEC 3, 2025
ศีลถึง ปัญญาได้ - พรหมชาลสูตร ตอนที่ ๑ [6849-4s]
พรหมชาลสูตร ตอนที่ ๑ พระผู้มีพระภาคตรัสแก่ภิกษุ ขณะทรงพักแรม ณ พระตำหนักหลวงในพระราชอุทยานอัมพลัฏฐิกา ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาลันทา โดยทรงปรารภคำติเตียนพระรัตนตรัยของปริพาชกชื่อสุปปิยะและคำสรรเสริญพระรัตนตรัยของพรหมทัตตมาณพผู้เป็นศิษย์ ซึ่งมีถ้อยคำขัดแย้งกัน ในลักษณะตรงข้ามกันและกล่าวถึงปัญญาอันประเสริฐของพระองค์ จากนั้นทรงแสดงในเรื่องทิฏฐิไว้ ๖๒ ทิฏฐิ ซึ่งครอบคลุมทิฏฐิหรือลัทธิทั้งหมดที่แพร่หลายอยู่ในสมัยนั้น ทรงถือว่า ลัทธิเหล่านั้นเป็นมิจฉาทิฏฐิในตอนนี้ ทรงตรัสถึงสาเหตุที่คนทั้งหลายกล่าวสรรเสริญพระองค์ ทรงงดเว้นจากข้อห้ามในศีลทั้ง ๓ ชั้น และทรงเป็นพระสัพพัญญุตญาณ และ แสดงทิฏฐิ ๖๒ ในความเห็นกำหนดขันธ์ส่วนอดีตที่เห็นว่า อัตตาและโลกเที่ยง Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
play-circle icon
57 MIN
บุคคลผู้ได้ฌาน -ฌานสังยุต, สังขิตตสูตร, ปฐมวสสูตร, พลสูตร, นิมิตตสูตร [6848-4s]
NOV 26, 2025
บุคคลผู้ได้ฌาน -ฌานสังยุต, สังขิตตสูตร, ปฐมวสสูตร, พลสูตร, นิมิตตสูตร [6848-4s]
สูตร#1 ฌานสังยุต ประมวลพระสูตรที่เกี่ยวกับผู้ได้ฌานประเภทต่าง ๆ และวิธีปฏิบัติในฌาน (สมาธิ)ซึ่งทรงแสดงไว้ ๑๑ วิธีคือ การตั้งจิตมั่น การเข้า การตั้งอยู่ การออก ความพร้อม อารมณ์ โคจร อภินิหาร การทำโดยเคารพ การทำความเพียรต่อเนื่อง การทำสัปปายะส่วนผู้ได้ฌานประเภทต่าง ๆ ทรงแสดงไว้ในแต่ละสูตร ๔ ประเภท คือ๑. ผู้ฉลาดในวิธีที่ ๑ แต่ไม่ฉลาดในวิธีที่ ๒๒. ผู้ฉลาดในวิธีที่ ๒ แต่ไม่ฉลาดในวิธีที่ ๑๓. ผู้ไม่ฉลาดใน ๒ วิธีนี้๔. ผู้ฉลาดใน ๒ วิธีนี้การตั้งชื่อในพระสูตร ตั้งตามวิธีปฏิบัติทั้ง ๑๑ วิธี สลับกันไปมา รวมเป็นพระสูตรทั้งหมด ๕๕ สูตร เช่น สมาธิมูลกสมาปัตติสูตร ว่าด้วยการเข้าสมาธิอันเป็นมูล คือ ตั้งวิธีที่ ๑ (การตั้งมั่น) เป็นหลัก สลับกับวิธีที่ ๒ (การเข้า) สมาธิมูลกฐิติสูตร ว่าด้วยการตั้งอยู่ในสมาธิอันเป็นมูล คือ ตั้งวิธีที่ ๑ (การตั้งจิตมั่น) เป็นหลัก สลับกับวิธีที่ ๓ (การตั้งอยู่) จนถึงวิธีที่ ๑๑ รวมเป็น ๑๐ สูตรแรก เรียกว่า สมาธิมูลกะ เมื่อครบหมดทั้ง ๑๑ วิธี ก็เริ่มตั้งวิธีที่ ๒ (การเข้า)เป็นหลักสลับกับวิธีที่ ๓-๑๐ เรียกว่า สมาปัตติมูลกะ รวมเป็น ๙ สูตรและตั้งชื่อพระสูตรอย่างนี้ไปจนครบ ๕๕ สูตร ยกตัวอย่างดังนี้- สมาธิมูลกสมาปัตติสูตร ว่าด้วยการเข้าสมาธิอันเป็นมูล คือ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงบุคคลผู้ได้ฌาน ๔ จำพวก คือ๑. ผู้ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ แต่ไม่ฉลาดในการเข้าสมาธิ๒. ผู้ฉลาดในการเข้าสมาธิ แต่ไม่ฉลาดในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ๓. ผู้ไม่ฉลาดทั้งการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และในการเข้าสมาธิ๔. ผู้ฉลาดทั้งในการตั้งจิตมั่นในสมาธิ และในการเข้าสมาธิในตอนท้ายพระสูตร ตรัสว่า จำพวกที่ ๔ ดีที่สุด เหมือนยอดเนยใสดีกว่านมสด นมส้ม เนยข้น และเนยใส ในพระสูตรอื่น ๆ พึงเทียบเคียงดังที่กล่าวมานี้สูตร#2 สังขิตตสูตร (เล่มที่ ๒๓) ภิกษุรูปหนึ่งทูลขอให้พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมโดยย่อเพื่อหลีกไปบำเพ็ญเพียรผู้เดียว ทรงตรัสว่า “โมฆบุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมเชื้อเชิญเราอย่างที่เขาทำกันมา และเมื่อเราแสดงธรรมแล้ว ก็คอยติดตามเราเรื่อยไป” ภิกษุรูปนั้นก็ได้ขอให้ทรงแสดงธรรมโดยย่อ และทำอย่างไรจึงจะรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิต และเป็นทายาทแห่งภาษิตของพระองค์ จากนั้นทรงตรัสสอนให้ภิกษุนั้นเจริญสมาธิคือสมถะและวิปัสสนา ภิกษุนั้นรับพระโอวาทแล้วก็หลีกไปอยู่บำเพ็ญเพียร ไม่นานนักได้บรรลุพระอรหัตตผลสูตร#3 ปฐมวสสูตร (เล่มที่๒๓) ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่ประกอบด้วยธรรม ๗ ประการ ย่อมทำจิตไว้ในอำนาจ และไม่เป็นไปตามอำนาจของจิตคือ (๑) เป็นผู้ฉลาดในสมาธิ (๒) ความเป็นผู้ฉลาดในการเข้าสมาธิ (๓) ความเป็นผู้ฉลาดในการให้สมาธิตั้งอยู่ได้ (๔) ความเป็นผู้ฉลาดในการออกจากสมาธิ (๕) เป็นผู้ฉลาดในความพร้อมแห่งสมาธิ (๖) ความเป็นผู้ฉลาดในอารมณ์แห่งสมาธิ (๗) ความเป็นผู้ฉลาดในอภินิหารแห่งสมาธิสูตร#4 พลสูตร (เล่มที่๒๒) ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย ว่าภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ที่ไม่อาจบรรลุความมีกำลังในสมาธิได้ คือ (๑) เป็นผู้ไม่ฉลาดในการเข้าสมาธิ (๒) ...ในการให้สมาธิตั้งอยู่ใด้ (๓) ...ในการออกจากสมาธิ (๔)เป็นผู้ไม่ทำความเคารพ (๕) …ไม่ทำให้ติดต่อ (๖)…ไม่ทำสิ่งที่เป็นสัปปายะ และภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ เป็นผู้อาจบรรลุความมีกำลังในสมาธิได้มีนัยตรงข้ามกันสูตร#5 นิมิตตสูตร (เล่มที่ ๒๐) ว่าด้วยนิมิต ๓ประการที่ภิกษุผู้บำเพ็ญสมาธิ (อธิจิต/พึงใส่พิจารณา (มนสิการ) ตามสมควรแก่เวลา คือ สมาธินิมิต ปัคคหนิมิต และอุเบกขานิมิต ทรงแนะนำว่า ต้องใส่ใจพิจารณานิมิตทั้ง ๓ ประการนี้ไปด้วยกันตามสมควรแก่เวลา จะพิจารณานิมิตใดนิมิตหนึ่งเพียงอย่างเดียวไม่ได้ผล จิตจะไม่อ่อนพอจะใช้งานได้ ทรงอุปมาเหมือนช่างทองที่เตรียมการตีทองตามขั้นตอนจนได้ทองที่อ่อนเหมาะแก่การทำเป็นทองรูปพรรณต่าง ๆ ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
play-circle icon
56 MIN
 การตามรู้ซึ่งความจริง - จังกีสูตร[6847-4s]
NOV 19, 2025
การตามรู้ซึ่งความจริง - จังกีสูตร[6847-4s]
"จังกีสูตร" เป็นการสนทนาธรรมระหว่างพระพุทธเจ้ากับกาปทิกมานพ และจังกีพราหมณ์พร้อมด้วยคณะ ณ ป่าไม้สาละชื่อเทพวัน ทางทิศเหนือแห่งบ้านพราหมณ์ชื่อโอปาสาทะ การปทิกมานพเป็นเด็กหนุ่มที่จังกีพราหมณ์ยกย่องว่า เป็นผู้มีความรู้คัมภีร์ต่างๆอย่างแตกฉาน เป็นพหูสูตรสามารถจะเจรจาโต้ตอบกับพระพุทธเจ้าได้ กาปทิกมานพได้ทูลถามว่าทรงคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับบทมนตร์โบราณของพวกพราหมณ์ ปฏิบัติอย่างไรจึงจะเป็นการรักษา เป็นการรู้ เป็นการบรรลุสัจจะ และธรรมที่มีอุปการะมากแก่การบรรลุสัจจะเป็นอย่างไร ทรงตรัสตอบแต่ละข้อตามลำดับ กาปทิกมานพเกิดความเลื่อมใสแสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
play-circle icon
57 MIN
พระมหากัสสปะเถระ - กัสสปสังยุต [6846-4s]
NOV 12, 2025
พระมหากัสสปะเถระ - กัสสปสังยุต [6846-4s]
สูตร#1 สันตุฏฐสูตร(ความสันโดษ)ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย เขตกรุงสาวัตถี ทรงตรัสสรรเสริญท่านพระมหากัสสปะว่า พระมหากัสสปะนี้เป็นผู้สันโดษด้วยปัจจัย๔ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ไม่หลงติดใจในปัจจัย ๔ มองเห็นโทษและใช้สอยปัจจัย ๔ อย่างรู้คุณค่าด้วยปัญญญา ทรงแนะนำให้ภิกษุทั้งหลายประพฤติปฏิบัติตามท่านพระมหากัสสปะสูตร#2 อโนตตัปปิสูตร(ความไม่สะดุ้งกลัว) การสนทนาธรรมระหว่าง ท่านพระมหากัสสปะและท่านพระสารีบุตร ขณะอยู่ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุงพาราณสี เกี่ยวกับบุคคล ๒ ประเภท ๑) บุคคลผู้ไม่มีความเพียรเครื่องเผากิเลส ไม่มีความสะดุ้งกลัวบาป เป็นผู้ไม่ควรเพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพาน ๒) บุคคลผู้มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีความสะดุ้งกลัวบาป จึงเป็นผู้ควรเพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพานสูตร#3 จันทูปมาสูตร (การเปรียบเทียบภิกษุกับดวงจันทร์) ทรงแสดงวิธีเข้าไปสู่ตระกูลของท่านพระมหากัสสปะโดยไม่ยึดติดในตระกูล เข้าไปสู่ตระกูลโดยมุ่งประโยชน์สุข ไม่เข้าไปเพื่อหวังลาภสักการะ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ไม่ติดในนภากาศ เมื่อทำได้อย่างนี้การเข้าไปสู่ตระกูลก็ไม่มีโทษ การแสดงธรรมก็บริสุทธิสูตร#4 กุลูปกสูตร (ภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล) ทรงแสดงวิธีการเข้าสู่ตระกูลของท่านพระมหากัสสปะโดยไม่ยืดติดในปัจจัย ๔ และทรงแสดงคุณสมบัติของภิกษุผู้สมควรเข้าไปสู่ตระกูลและภิกษุผู้ไม่สมควรเข้าสู่ตระกูล คือ ไม่มุ่งหวังหรือมุ่งหวังในลาภและความเคารพนับถือของทายก และทรงแนะนำให้ภิกษุปฏิบัติตามพระมหากัสสปะสูตร#5 ชิณณสูตร (ความแก่) ทรงสนทนากับพระมหากัสสปะ ณ เวฬุวัน ทรงปรารภความแก่ชราของท่านพระมหากัสสปะ จึงทรงแนะนำให้ท่านพระมหากัสสปะรับคหบดีจีวร รับโภชนะในที่นิมนต์และอยู่ในสำนักของพระองค์ แต่ท่านพระมหากัสสปะยืนยันที่จะอยู่ในป่าและถือธุดงควัตรเหมือนเดิม ด้วยเหตุผล ๒ ประการคือ การอยู่เป็นสุขในปัจจุบันและเพื่ออนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลังสูตร#6 โอวาทสูตร (การให้โอวาท) ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหากัสสปะกราบทูลว่า บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอน เพราะได้เห็นสัทธิวิหาริกของพระอานนท์และสัทธิวิหาริกของพระอนุรุทธะกล่าวล่วงเกินกันและกันด้วยสุตะ พระผู้มีพระภาคจึงทรงเรียกสัทธิวิหาริกนั้นมา ทรงไตร่ถามข้อเท็จจริง ภิกษุนั้นยอมรับ และขอให้ทรงให้อภัยโทษ ทรงตรัสยกโทษให้ เพราะเหตุที่เห็นความผิดเป็นความผิด แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อความเจริญในธรรมวินัยต่อไปสูตร#7 ทุติยโอวาทสูตร (การให้โอวาท สูตรที่ ๒) ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหากัสสปะกราบทูลว่า ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอน ทั้งไม่มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาในกุศลธรรม จึงหวังความเจริญในธรรมไม่ได้ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ข้างแรมที่อับแสง ไม่เต็มดวง ไร้รัศมี การที่บุคคลไม่มีศรัทธานับเป็นความเสื่อม แต่ถ้ามีศรัทธา นับว่าเป็นความเจริญ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ในวันเพ็ญเปล่งรัศมีเจิดจ้า ทรงอนุโมทนาภาษิตของท่านพระมหากัสสสปะสูตร#8 ตติยโอวาทสูตร (การให้โอวาท สูตรที่ ๓) ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหาทัสสปะกราบทูลว่า ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอนโดยเคารพ ทรงเห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านพระมหากัสสปะ แล้วทรงแสดงความประพฤติที่แตกต่างกันของภิกษุในครั้งก่อนกับภิกษุในสมัยปัจจุบันสูตร#9 ปรัมมรณสูตร (ตถาคตตายแล้วเกิดอีกหรือไม่เกิด) พระมหากัสสปะสนทนาธรรมกับพระสารีบุตร โดยพระสารีบุตรเป็นผู้ถามท่านพระมหากัสสปะเกี่ยวกับอัตตา(ตัวตน)ตั้งเป็นคำถามได้ ๔ ประเด็น คือตถาคตตายแล้วเกิดอีกหรือ ตถาคตตายแล้วไม่เกิดอีกหรือ ตถาคตเกิดอีกและไม่เกิดอีกหรือ ตถาคตเกิดอีกก็มิใช่ไม่เกิดอีกก็มิใช่หรือ ท่านพระมหากัสสปะตอบว่า ปัญหาเหล่านี้พระผู้มีพระภาคไม่ทรงตอบเพราะทรงเห็นว่าไม่มีประโยชน์ปัญหาที่พระองค์ทรงตอบคือ ทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และปฏิปทาที่ให้ถึงความดับทุกข์ เพราะธรรมเหล่านี้มีประโยชน์ สงบระงับ ตรัสรู้ และเพื่อนิพพานสูตร#10 สัทธรรมปฏิรูปกสูตร (สัทธรรมปฏิรูป) ทรงแสดงต้นเหตุแห่งความเสื่อมและความเจริญแห่งสัทธรรมแก่ท่านพระมหากัสสปะว่า เหตุที่ทำให้สัทธรรมเสื่อมสูญมี ๕ ประการ คือ บริษัท ๔ ในธรรมวินัยนี้ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา และในสมาธิ ส่วนเหตุที่ทำให้สัทธรรมเจริญตั้งมั่นก็มีนัยตรงข้ามกับที่กล่าวแล้ว Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
play-circle icon
57 MIN