<p>Q1: ทำบุญแล้ว พระเอาไปใช้ในทางไม่ถูก จะได้บุญหรือไม่</p><p>A: บุญมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ</p><p>1. ศรัทธาของผู้ให้ = ทั้งก่อน ในระหว่าง และหลังให้</p><p>- ศรัทธานั้นไม่ได้ตั้งอยู่กับตัวบุคคล</p><p>- ศรัทธานั้นไม่ใช่ความงมงาย</p><p>2. ศีลของผู้รับ = มีราคะ โทสะ โมหะ มากหรือน้อย</p><br><p>Q2: ทำบุญต้องหวังผล</p><p>A: วิธีทำบุญมี 3 อย่าง คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา</p><p>- ทำบุญต้องหวังผล หากผลที่หวังนั้น คือ นิพพานหรือการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ก็ต้องเลือก/พิจารณาการทำบุญนั้นให้ดี เช่น บุญจากการให้ทาน ต้องเลือกผู้รับที่เป็นเนื้อนาบุญ คือ มีราคะ โทสะ โมหะ น้อย โดยดูจากข้อวัตรปฏิบัติ ทางกาย วาจา ใจ ต้องใกล้ชิดและใช้เวลาดู&nbsp;</p><p>- บุญจากการให้ทาน เกิดได้ 3 ช่วงเวลา คือ ก่อนให้ ระหว่างให้ และหลังให้&nbsp;ถ้าก่อนให้และระหว่างให้ มีศรัทธา ก็ได้บุญ แต่หากต่อมามีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระ แล้วเสื่อมศรัทธา บุญที่เกิดหลังให้ก็จะไม่ได้</p><p>- จึงไม่ควรตั้งศรัทธาไว้ที่ตัวบุคคล แต่ให้ตั้งศรัทธาไว้ที่สถาบันสงฆ์ ซึ่งไม่ได้หมายถึงบุคคล แต่คือ การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ</p><p>- เมื่อตั้งศรัทธาไว้ที่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อย่างไม่คลอนแคลนแล้ว บุญก็จะไม่ลด ดังนั้น อย่าเอาการที่คนอื่นทำไม่ดี มาตัดกระแสบุญของเรา</p><br><p>Q3: ตู้ชำระหนี้สงฆ์</p><p>A: สมัยพุทธกาลไม่มี เพิ่งมีขึ้นในภายหลัง เริ่มจากประเพณีขนทรายเข้าวัด ที่มองว่าไปวัดแล้วเอาของวัดติดมาด้วย จึงต้องใช้หนี้วัด</p><br><p>Q4: บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นในวัด</p><p>A: สมัยก่อนไม่มีพระพุทธรูป การบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปวัด แต่การไปวัด คือ การไปรวมตัวกันเพื่อฟังธรรมจากผู้รู้ ไปทำความสงบ&nbsp;</p><p>- ถ้าจะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ต้องบูชาในคุณธรรม ความดี ไม่ใช่บูชาเพื่อขอผล</p><br><p>Q5: เพาะพันธุ์แมวขาย</p><p>A: เป็นการค้าขายสัตว์เป็น</p><p>- ให้ทำอาชีพอื่นที่ไม่เสี่ยงเป็นบาป และมีเวลาว่างในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น จะดีกว่า</p><br><p>Q6: ทีฆชาณุสูตร</p><p>A: ทีฆชาณุสูตร = ประโยชน์ในปัจจุบัน 4 ประการ และประโยชน์ในอนาคต 4 ประการ</p><p>- ประโยชน์ในอนาคต 4 ประการ คือ ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา&nbsp;</p><br><p>Q7: ถวายตั๋วรถไฟให้พระ&nbsp;</p><p>A: โยมท่านหนึ่งเจอพระที่สถานีรถไฟ ตั้งใจจะถวายตั๋วรถไฟให้พระ แต่พระให้ถวายเป็นเงินแทน จึงไม่ได้ถวายให้</p><p>- ที่โยมทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมวินัยแล้ว</p><p>- การที่ไม่ได้ถวายเงินให้พระ เป็นสิ่งที่ถูกตามธรรมวินัยแล้ว เป็นการช่วยพระรักษาศีล ได้บุญ</p><br><p>Q8: บูชาบุคคลที่ควรบูชา</p><p>A: บุคคลที่ควรบูชา ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์ (ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ) ผู้มีศีล มารดาบิดา (ผู้มีอุปการะก่อน) ผู้มีพรหมวิหาร 4 บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เทวดา (ผู้มีศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา)</p><br><p>Q9: การยึดติดกับสิ่งสมมติ</p><p>A: การยึดถือ (อุปาทาน) เกิดจาก ความเพลิน ความพอใจ หากมีในสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน</p><p>- ต้องมีสติ จึงจะไม่เพลิน ก็จะไม่ยึดถือในสิ่งที่สมมติเหล่านั้น</p><p>- ต้องฝึกการมีสติอยู่เรื่อย ๆ ให้มีกำลังมากขึ้น ความเพลินก็จะค่อย ๆ ลดลง</p><hr><p style='color:grey; font-size:0.75em;'> Hosted on Acast. See <a style='color:grey;' target='_blank' rel='noopener noreferrer' href='https://acast.com/privacy'>acast.com/privacy</a> for more information.</p>

1 สมการชีวิต

ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana

ละความยึดติดในสิ่งสมมติทั้งหลาย [6840-1u]

SEP 28, 202555 MIN
1 สมการชีวิต

ละความยึดติดในสิ่งสมมติทั้งหลาย [6840-1u]

SEP 28, 202555 MIN

Description

<p>Q1: ทำบุญแล้ว พระเอาไปใช้ในทางไม่ถูก จะได้บุญหรือไม่</p><p>A: บุญมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ</p><p>1. ศรัทธาของผู้ให้ = ทั้งก่อน ในระหว่าง และหลังให้</p><p>- ศรัทธานั้นไม่ได้ตั้งอยู่กับตัวบุคคล</p><p>- ศรัทธานั้นไม่ใช่ความงมงาย</p><p>2. ศีลของผู้รับ = มีราคะ โทสะ โมหะ มากหรือน้อย</p><br><p>Q2: ทำบุญต้องหวังผล</p><p>A: วิธีทำบุญมี 3 อย่าง คือ การให้ทาน การรักษาศีล และการภาวนา</p><p>- ทำบุญต้องหวังผล หากผลที่หวังนั้น คือ นิพพานหรือการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ก็ต้องเลือก/พิจารณาการทำบุญนั้นให้ดี เช่น บุญจากการให้ทาน ต้องเลือกผู้รับที่เป็นเนื้อนาบุญ คือ มีราคะ โทสะ โมหะ น้อย โดยดูจากข้อวัตรปฏิบัติ ทางกาย วาจา ใจ ต้องใกล้ชิดและใช้เวลาดู&nbsp;</p><p>- บุญจากการให้ทาน เกิดได้ 3 ช่วงเวลา คือ ก่อนให้ ระหว่างให้ และหลังให้&nbsp;ถ้าก่อนให้และระหว่างให้ มีศรัทธา ก็ได้บุญ แต่หากต่อมามีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับพระ แล้วเสื่อมศรัทธา บุญที่เกิดหลังให้ก็จะไม่ได้</p><p>- จึงไม่ควรตั้งศรัทธาไว้ที่ตัวบุคคล แต่ให้ตั้งศรัทธาไว้ที่สถาบันสงฆ์ ซึ่งไม่ได้หมายถึงบุคคล แต่คือ การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ</p><p>- เมื่อตั้งศรัทธาไว้ที่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ อย่างไม่คลอนแคลนแล้ว บุญก็จะไม่ลด ดังนั้น อย่าเอาการที่คนอื่นทำไม่ดี มาตัดกระแสบุญของเรา</p><br><p>Q3: ตู้ชำระหนี้สงฆ์</p><p>A: สมัยพุทธกาลไม่มี เพิ่งมีขึ้นในภายหลัง เริ่มจากประเพณีขนทรายเข้าวัด ที่มองว่าไปวัดแล้วเอาของวัดติดมาด้วย จึงต้องใช้หนี้วัด</p><br><p>Q4: บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นในวัด</p><p>A: สมัยก่อนไม่มีพระพุทธรูป การบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงทำที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปวัด แต่การไปวัด คือ การไปรวมตัวกันเพื่อฟังธรรมจากผู้รู้ ไปทำความสงบ&nbsp;</p><p>- ถ้าจะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่น ต้องบูชาในคุณธรรม ความดี ไม่ใช่บูชาเพื่อขอผล</p><br><p>Q5: เพาะพันธุ์แมวขาย</p><p>A: เป็นการค้าขายสัตว์เป็น</p><p>- ให้ทำอาชีพอื่นที่ไม่เสี่ยงเป็นบาป และมีเวลาว่างในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น จะดีกว่า</p><br><p>Q6: ทีฆชาณุสูตร</p><p>A: ทีฆชาณุสูตร = ประโยชน์ในปัจจุบัน 4 ประการ และประโยชน์ในอนาคต 4 ประการ</p><p>- ประโยชน์ในอนาคต 4 ประการ คือ ศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา&nbsp;</p><br><p>Q7: ถวายตั๋วรถไฟให้พระ&nbsp;</p><p>A: โยมท่านหนึ่งเจอพระที่สถานีรถไฟ ตั้งใจจะถวายตั๋วรถไฟให้พระ แต่พระให้ถวายเป็นเงินแทน จึงไม่ได้ถวายให้</p><p>- ที่โยมทำ เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมวินัยแล้ว</p><p>- การที่ไม่ได้ถวายเงินให้พระ เป็นสิ่งที่ถูกตามธรรมวินัยแล้ว เป็นการช่วยพระรักษาศีล ได้บุญ</p><br><p>Q8: บูชาบุคคลที่ควรบูชา</p><p>A: บุคคลที่ควรบูชา ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระสงฆ์ (ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ) ผู้มีศีล มารดาบิดา (ผู้มีอุปการะก่อน) ผู้มีพรหมวิหาร 4 บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ เทวดา (ผู้มีศีล ศรัทธา จาคะ ปัญญา)</p><br><p>Q9: การยึดติดกับสิ่งสมมติ</p><p>A: การยึดถือ (อุปาทาน) เกิดจาก ความเพลิน ความพอใจ หากมีในสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน</p><p>- ต้องมีสติ จึงจะไม่เพลิน ก็จะไม่ยึดถือในสิ่งที่สมมติเหล่านั้น</p><p>- ต้องฝึกการมีสติอยู่เรื่อย ๆ ให้มีกำลังมากขึ้น ความเพลินก็จะค่อย ๆ ลดลง</p><hr><p style='color:grey; font-size:0.75em;'> Hosted on Acast. See <a style='color:grey;' target='_blank' rel='noopener noreferrer' href='https://acast.com/privacy'>acast.com/privacy</a> for more information.</p>