<p><strong>สูตร#1 สันตุฏฐสูตร(ความสันโดษ)</strong>ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย เขตกรุงสาวัตถี ทรงตรัสสรรเสริญท่านพระมหากัสสปะว่า พระมหากัสสปะนี้เป็นผู้สันโดษด้วยปัจจัย๔ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ไม่หลงติดใจในปัจจัย ๔ มองเห็นโทษและใช้สอยปัจจัย ๔ อย่างรู้คุณค่าด้วยปัญญญา ทรงแนะนำให้ภิกษุทั้งหลายประพฤติปฏิบัติตามท่านพระมหากัสสปะ</p><p><strong>สูตร#2 อโนตตัปปิสูตร(ความไม่สะดุ้งกลัว)</strong> การสนทนาธรรมระหว่าง ท่านพระมหากัสสปะและท่านพระสารีบุตร ขณะอยู่ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุงพาราณสี เกี่ยวกับบุคคล ๒ ประเภท ๑) บุคคลผู้ไม่มีความเพียรเครื่องเผากิเลส ไม่มีความสะดุ้งกลัวบาป เป็นผู้ไม่ควรเพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพาน ๒) บุคคลผู้มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีความสะดุ้งกลัวบาป จึงเป็นผู้ควรเพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพาน</p><p><strong>สูตร#3 จันทูปมาสูตร</strong> (การเปรียบเทียบภิกษุกับดวงจันทร์) ทรงแสดงวิธีเข้าไปสู่ตระกูลของท่านพระมหากัสสปะโดยไม่ยึดติดในตระกูล เข้าไปสู่ตระกูลโดยมุ่งประโยชน์สุข ไม่เข้าไปเพื่อหวังลาภสักการะ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ไม่ติดในนภากาศ เมื่อทำได้อย่างนี้การเข้าไปสู่ตระกูลก็ไม่มีโทษ การแสดงธรรมก็บริสุทธิ</p><p><strong>สูตร#4 กุลูปกสูตร (ภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล)</strong> ทรงแสดงวิธีการเข้าสู่ตระกูลของท่านพระมหากัสสปะโดยไม่ยืดติดในปัจจัย ๔ และทรงแสดงคุณสมบัติของภิกษุผู้สมควรเข้าไปสู่ตระกูลและภิกษุผู้ไม่สมควรเข้าสู่ตระกูล คือ ไม่มุ่งหวังหรือมุ่งหวังในลาภและความเคารพนับถือของทายก และทรงแนะนำให้ภิกษุปฏิบัติตามพระมหากัสสปะ</p><p><strong>สูตร#5 ชิณณสูตร (ความแก่) </strong>ทรงสนทนากับพระมหากัสสปะ ณ เวฬุวัน ทรงปรารภความแก่ชราของท่านพระมหากัสสปะ จึงทรงแนะนำให้ท่านพระมหากัสสปะรับคหบดีจีวร รับโภชนะในที่นิมนต์และอยู่ในสำนักของพระองค์ แต่ท่านพระมหากัสสปะยืนยันที่จะอยู่ในป่าและถือธุดงควัตรเหมือนเดิม ด้วยเหตุผล ๒ ประการคือ การอยู่เป็นสุขในปัจจุบันและเพื่ออนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลัง</p><p><strong>สูตร#6 โอวาทสูตร (การให้โอวาท)</strong> ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหากัสสปะกราบทูลว่า บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอน เพราะได้เห็นสัทธิวิหาริกของพระอานนท์และสัทธิวิหาริกของพระอนุรุทธะกล่าวล่วงเกินกันและกันด้วยสุตะ พระผู้มีพระภาคจึงทรงเรียกสัทธิวิหาริกนั้นมา ทรงไตร่ถามข้อเท็จจริง ภิกษุนั้นยอมรับ และขอให้ทรงให้อภัยโทษ ทรงตรัสยกโทษให้ เพราะเหตุที่เห็นความผิดเป็นความผิด แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อความเจริญในธรรมวินัยต่อไป</p><p><strong>สูตร#7 ทุติยโอวาทสูตร (การให้โอวาท สูตรที่ ๒)</strong> ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหากัสสปะกราบทูลว่า ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอน ทั้งไม่มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาในกุศลธรรม จึงหวังความเจริญในธรรมไม่ได้ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ข้างแรมที่อับแสง ไม่เต็มดวง ไร้รัศมี การที่บุคคลไม่มีศรัทธานับเป็นความเสื่อม แต่ถ้ามีศรัทธา นับว่าเป็นความเจริญ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ในวันเพ็ญเปล่งรัศมีเจิดจ้า ทรงอนุโมทนาภาษิตของท่านพระมหากัสสสปะ</p><p><strong>สูตร#8 ตติยโอวาทสูตร (การให้โอวาท สูตรที่ ๓)</strong> ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหาทัสสปะกราบทูลว่า ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอนโดยเคารพ ทรงเห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านพระมหากัสสปะ แล้วทรงแสดงความประพฤติที่แตกต่างกันของภิกษุในครั้งก่อนกับภิกษุในสมัยปัจจุบัน</p><p><strong>สูตร#9 ปรัมมรณสูตร (ตถาคตตายแล้วเกิดอีกหรือไม่เกิด)</strong> พระมหากัสสปะสนทนาธรรมกับพระสารีบุตร โดยพระสารีบุตรเป็นผู้ถามท่านพระมหากัสสปะเกี่ยวกับอัตตา(ตัวตน)ตั้งเป็นคำถามได้ ๔ ประเด็น คือตถาคตตายแล้วเกิดอีกหรือ ตถาคตตายแล้วไม่เกิดอีกหรือ ตถาคตเกิดอีกและไม่เกิดอีกหรือ ตถาคตเกิดอีกก็มิใช่ไม่เกิดอีกก็มิใช่หรือ ท่านพระมหากัสสปะตอบว่า ปัญหาเหล่านี้พระผู้มีพระภาคไม่ทรงตอบเพราะทรงเห็นว่าไม่มีประโยชน์ปัญหาที่พระองค์ทรงตอบคือ ทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และปฏิปทาที่ให้ถึงความดับทุกข์ เพราะธรรมเหล่านี้มีประโยชน์ สงบระงับ ตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน<strong>สูตร#10 สัทธรรมปฏิรูปกสูตร (สัทธรรมปฏิรูป)</strong> ทรงแสดงต้นเหตุแห่งความเสื่อมและความเจริญแห่งสัทธรรมแก่ท่านพระมหากัสสปะว่า เหตุที่ทำให้สัทธรรมเสื่อมสูญมี ๕ ประการ คือ บริษัท ๔ ในธรรมวินัยนี้ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา และในสมาธิ ส่วนเหตุที่ทำให้สัทธรรมเจริญตั้งมั่นก็มีนัยตรงข้ามกับที่กล่าวแล้ว</p><hr><p style='color:grey; font-size:0.75em;'> Hosted on Acast. See <a style='color:grey;' target='_blank' rel='noopener noreferrer' href='https://acast.com/privacy'>acast.com/privacy</a> for more information.</p>

4 คลังพระสูตร

ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana

พระมหากัสสปะเถระ - กัสสปสังยุต [6846-4s]

NOV 12, 202557 MIN
4 คลังพระสูตร

พระมหากัสสปะเถระ - กัสสปสังยุต [6846-4s]

NOV 12, 202557 MIN

Description

<p><strong>สูตร#1 สันตุฏฐสูตร(ความสันโดษ)</strong>ทรงแสดงแก่ภิกษุทั้งหลาย เขตกรุงสาวัตถี ทรงตรัสสรรเสริญท่านพระมหากัสสปะว่า พระมหากัสสปะนี้เป็นผู้สันโดษด้วยปัจจัย๔ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ไม่หลงติดใจในปัจจัย ๔ มองเห็นโทษและใช้สอยปัจจัย ๔ อย่างรู้คุณค่าด้วยปัญญญา ทรงแนะนำให้ภิกษุทั้งหลายประพฤติปฏิบัติตามท่านพระมหากัสสปะ</p><p><strong>สูตร#2 อโนตตัปปิสูตร(ความไม่สะดุ้งกลัว)</strong> การสนทนาธรรมระหว่าง ท่านพระมหากัสสปะและท่านพระสารีบุตร ขณะอยู่ในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เขตกรุงพาราณสี เกี่ยวกับบุคคล ๒ ประเภท ๑) บุคคลผู้ไม่มีความเพียรเครื่องเผากิเลส ไม่มีความสะดุ้งกลัวบาป เป็นผู้ไม่ควรเพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพาน ๒) บุคคลผู้มีความเพียรเครื่องเผากิเลส มีความสะดุ้งกลัวบาป จึงเป็นผู้ควรเพื่อตรัสรู้และเพื่อนิพพาน</p><p><strong>สูตร#3 จันทูปมาสูตร</strong> (การเปรียบเทียบภิกษุกับดวงจันทร์) ทรงแสดงวิธีเข้าไปสู่ตระกูลของท่านพระมหากัสสปะโดยไม่ยึดติดในตระกูล เข้าไปสู่ตระกูลโดยมุ่งประโยชน์สุข ไม่เข้าไปเพื่อหวังลาภสักการะ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ไม่ติดในนภากาศ เมื่อทำได้อย่างนี้การเข้าไปสู่ตระกูลก็ไม่มีโทษ การแสดงธรรมก็บริสุทธิ</p><p><strong>สูตร#4 กุลูปกสูตร (ภิกษุผู้เข้าไปสู่ตระกูล)</strong> ทรงแสดงวิธีการเข้าสู่ตระกูลของท่านพระมหากัสสปะโดยไม่ยืดติดในปัจจัย ๔ และทรงแสดงคุณสมบัติของภิกษุผู้สมควรเข้าไปสู่ตระกูลและภิกษุผู้ไม่สมควรเข้าสู่ตระกูล คือ ไม่มุ่งหวังหรือมุ่งหวังในลาภและความเคารพนับถือของทายก และทรงแนะนำให้ภิกษุปฏิบัติตามพระมหากัสสปะ</p><p><strong>สูตร#5 ชิณณสูตร (ความแก่) </strong>ทรงสนทนากับพระมหากัสสปะ ณ เวฬุวัน ทรงปรารภความแก่ชราของท่านพระมหากัสสปะ จึงทรงแนะนำให้ท่านพระมหากัสสปะรับคหบดีจีวร รับโภชนะในที่นิมนต์และอยู่ในสำนักของพระองค์ แต่ท่านพระมหากัสสปะยืนยันที่จะอยู่ในป่าและถือธุดงควัตรเหมือนเดิม ด้วยเหตุผล ๒ ประการคือ การอยู่เป็นสุขในปัจจุบันและเพื่ออนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลัง</p><p><strong>สูตร#6 โอวาทสูตร (การให้โอวาท)</strong> ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหากัสสปะกราบทูลว่า บัดนี้ ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอน เพราะได้เห็นสัทธิวิหาริกของพระอานนท์และสัทธิวิหาริกของพระอนุรุทธะกล่าวล่วงเกินกันและกันด้วยสุตะ พระผู้มีพระภาคจึงทรงเรียกสัทธิวิหาริกนั้นมา ทรงไตร่ถามข้อเท็จจริง ภิกษุนั้นยอมรับ และขอให้ทรงให้อภัยโทษ ทรงตรัสยกโทษให้ เพราะเหตุที่เห็นความผิดเป็นความผิด แล้วแก้ไขให้ถูกต้อง ทั้งนี้เพื่อความเจริญในธรรมวินัยต่อไป</p><p><strong>สูตร#7 ทุติยโอวาทสูตร (การให้โอวาท สูตรที่ ๒)</strong> ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหากัสสปะกราบทูลว่า ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอน ทั้งไม่มีศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญาในกุศลธรรม จึงหวังความเจริญในธรรมไม่ได้ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ข้างแรมที่อับแสง ไม่เต็มดวง ไร้รัศมี การที่บุคคลไม่มีศรัทธานับเป็นความเสื่อม แต่ถ้ามีศรัทธา นับว่าเป็นความเจริญ เปรียบเหมือนดวงจันทร์ในวันเพ็ญเปล่งรัศมีเจิดจ้า ทรงอนุโมทนาภาษิตของท่านพระมหากัสสสปะ</p><p><strong>สูตร#8 ตติยโอวาทสูตร (การให้โอวาท สูตรที่ ๓)</strong> ทรงรับสั่งให้ท่านพระมหากัสสปะอบรมสั่งสอนภิกษุทั้งหลายด้วยธรรมีกถา ท่านพระมหาทัสสปะกราบทูลว่า ภิกษุทั้งหลายเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ไม่อดทน ไม่รับคำพร่ำสอนโดยเคารพ ทรงเห็นด้วยกับคำกล่าวของท่านพระมหากัสสปะ แล้วทรงแสดงความประพฤติที่แตกต่างกันของภิกษุในครั้งก่อนกับภิกษุในสมัยปัจจุบัน</p><p><strong>สูตร#9 ปรัมมรณสูตร (ตถาคตตายแล้วเกิดอีกหรือไม่เกิด)</strong> พระมหากัสสปะสนทนาธรรมกับพระสารีบุตร โดยพระสารีบุตรเป็นผู้ถามท่านพระมหากัสสปะเกี่ยวกับอัตตา(ตัวตน)ตั้งเป็นคำถามได้ ๔ ประเด็น คือตถาคตตายแล้วเกิดอีกหรือ ตถาคตตายแล้วไม่เกิดอีกหรือ ตถาคตเกิดอีกและไม่เกิดอีกหรือ ตถาคตเกิดอีกก็มิใช่ไม่เกิดอีกก็มิใช่หรือ ท่านพระมหากัสสปะตอบว่า ปัญหาเหล่านี้พระผู้มีพระภาคไม่ทรงตอบเพราะทรงเห็นว่าไม่มีประโยชน์ปัญหาที่พระองค์ทรงตอบคือ ทุกข์ เหตุเกิดแห่งทุกข์ ความดับทุกข์ และปฏิปทาที่ให้ถึงความดับทุกข์ เพราะธรรมเหล่านี้มีประโยชน์ สงบระงับ ตรัสรู้ และเพื่อนิพพาน<strong>สูตร#10 สัทธรรมปฏิรูปกสูตร (สัทธรรมปฏิรูป)</strong> ทรงแสดงต้นเหตุแห่งความเสื่อมและความเจริญแห่งสัทธรรมแก่ท่านพระมหากัสสปะว่า เหตุที่ทำให้สัทธรรมเสื่อมสูญมี ๕ ประการ คือ บริษัท ๔ ในธรรมวินัยนี้ไม่เคารพยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา และในสมาธิ ส่วนเหตุที่ทำให้สัทธรรมเจริญตั้งมั่นก็มีนัยตรงข้ามกับที่กล่าวแล้ว</p><hr><p style='color:grey; font-size:0.75em;'> Hosted on Acast. See <a style='color:grey;' target='_blank' rel='noopener noreferrer' href='https://acast.com/privacy'>acast.com/privacy</a> for more information.</p>